คำว่าขวาร้าย ซ้ายดี เป็นคำที่ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กจนโต เกิดจากอาการกระตุกบริเวณผิวด้านบนและล่างของดวงตา ซึ่งคนโบราณได้บอกว่าถ้าตากระตุกข้างขวาจะถือว่าโชคร้าย แต่ถ้าตากระตุกข้างซ้ายเชื่อว่าเป็นโชคดี ทำให้อาการตากระตุกกลายเป็นเหมือนลางบอกเหตุของคนไทยไปโดยปริยาย แต่รู้หรือไม่ว่าความจริงแล้วตากระตุกนั้น ไม่ใช่ลางบอกเหตุแต่อย่างใด เป็นเพียงเสียงเตือนของร่างกายที่บอกว่า “คุณใช้สายตามากเกินไปแล้ว

อาการตากระตุกข้างซ้าย คืออะไร ?

อาการตากระตุกไม่ใช่อาการที่รุนแรง ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด เพียงแต่จะสร้างความหงุดหงิดเท่านั้น เป็นการขยับตัวของเปลือกตาที่มีความรวดเร็วมากจนทำให้เกิดอาการกระตุก แต่ถ้ากระตุกบ่อย ๆ อาจจะสร้างความรำคาญให้กับเราได้  อาการตากระตุกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในบริเวณเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง โดยส่วนใหญ่จะเกิดที่บริเวณเปลือกตาบน นับว่าเป็นการบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบร่างกายอย่างหนึ่ง แต่ตากระตุกนั้นก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณเป็นโรคร้ายบางอย่างได้เหมือนกัน เช่น โรคอัมพาตบริเวณใบหน้า

ตากระตุกข้างซ้ายและขวา มาจากสาเหตุเดียวกัน

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเคยมีประสบการณ์ตากระตุก และอาจจะเคยเครียดด้วยว่าถ้ากระตุกข้างขวาจะเกิดโชคร้ายอะไรในวันนั้นหรือไม่? อาการตากระตุกนั้นสามารถเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้

  • ความเครียด
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ตาแห้งและล้า เกิดจากการที่ใช้สายตามากเกินไป เช่น การจดจ่อ หรือ จ้องบางสิ่งบางอย่างเป็นเวลานานทำให้ดวงตาขาดน้ำ
  • ดวงตาเจอสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ ลม ฟ้า อากาศ หรือ การจ้องจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน
  • ดื่มกาแฟหรือชามากเกินไป ซึ่งภายในกาแฟและชาเต็มไปด้วยสารคาเฟอีน ซึ่งจะทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว อาการกระตุกบริเวณดวงตาจึงอาจจะเป็นสัญญาณเตือนร่างกายของคุณกำลังปรับ Energy ได้เช่นกัน
  • การออกกำลังกายร่างกายต้องใช้พลังงานมากพอสมควร ผลกระทบหลังจากการออกกำลังกายจึงอาจจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หรือกล้ามเนื้อกระตุกได้ เป็นต้น

บรรเทาอาการตากระตุก ด้วยวิธีง่าย ๆ

เมื่อพบปัญหาตากระตุกข้างซ้ายหรือข้างขวา สามารถแก้ไขด้วยวิธีแบบง่าย ๆ คือ

  • สร้างความผ่อนคลายให้กับดวงตา พยายามเลี่ยงการจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ แต่หากจำเป็นต้องใช้ควรหาช่วงเวลาในการพักผ่อนสายตา ไม่ว่าจะเป็นการหลับตา หรือการจ้องมองต้นไม้ใบสีเขียว เพื่อให้ดวงตาคลายเครียด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน จึงควรจัดสรรเวลาในการใช้ชีวิต ให้มีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • บรรเทาอาการเครียด เพราะความเครียดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสั่งให้หยุดกันได้ง่าย ๆ แต่สามารถหาวิธีบรรเทาความเครียดลงได้ เช่น การทำกิจกรรมที่ชอบ การหาที่ปรึกษาหรือพบแพทย์เพื่อรักษาอาการเครียดสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคร้ายที่อาจตามมาในอนาคต
  • ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะเป็นสารที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการตื่นตัว ไม่เกิดอาการง่วงนอน
  • ประคบดวงตา หากเกิดอาการกระตุก ลองประคบดวงตาด้วยแผ่นเจลเย็นสักพัก จะช่วยทำให้ดวงตารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

โรคอัมพาตใบหน้า อาจมาจากตากระตุกข้างซ้ายและขวา

โรคอัมพาตบริเวณใบหน้า หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Bell’s Palsy เป็นโรคที่สามารถเกิดกับคนได้ทุกเพศ ทุกวัย เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ที่มาจากอาการอักเสบ สาเหตุของโรคมาจากสภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายที่ต่ำ หรือในช่วงร่างกายอ่อนแอ เมื่อผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส พักผ่อนน้อย มีความเครียดสะสม เป็นต้น โดยอาการเริ่มแรกก่อนที่จะเป็นอัมพาตทางใบหน้า อาจจะมีสัญญาณบ่งบอกจากอาการตากระตุกที่หนังตา หรือมุมปากกระตุก ซึ่งอาการอัมพาตบริเวณใบหน้าจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น

แพทย์จะใช้ยาและการช็อตไฟฟ้าทำการรักษาเบื้องต้น ระยะเวลาในการักษาขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะ 1 อาทิตย์ หรือบางคนอาจจะ 1 ปี  หากคุณรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักผ่อนน้อย หรือสัมผัสได้ว่าร่างกายกำลังอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อมีอาการตากระตุกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้ว่าจะประคบตาหรือพักสายตาแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคและทำการรักษาให้เร็วที่สุด

โดยทั่วไปแล้วอาการตากระตุก ไม่ว่าจะเป็นตากระตุกข้างซ้ายหรือข้างขวา ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ถ้าจะบอกว่าเป็นลางบอกเหตุก็คงจะเป็นเหตุร้ายที่ดวงตาต้องการส่งสัญญาณเตือนให้คุณได้พักผ่อนบ้าง  เมื่อรู้แบบนี้แล้วควรรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วพักสายตาประมาณ 15 นาทีเป็นขั้นต่ำ แล้วคุณจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะให้ดีเมื่อทำงานเสร็จแล้วควรรีบพักผ่อนให้เพียงพอ ห่างไกลจากจอมือถือ เพื่อลดอาการล้าของเปลือกตาและพร้อมกลับมาสดใส ไม่มีอาการกระตุกกวนใจอีกต่อไป